สัตว์มีพิษที่มากับหน้าฝน และวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น
10 ก.ค. 2023
หน้าฝนอากาศบริสุทธิ์ สดชื่น ฤดูแห่งการล่าทะเลหมอก ช่วงเวลาแห่งการผลิบานของดอกไม้นานาชนิด นักท่องเที่ยวหรือแคมป์เปอร์ที่ชื่นชอบการแคมป์ปิ้ง เดินป่าเขาพักแรมตามอุทยาน หรือลานกางเต็นท์ต่างๆ ซึ่งในหน้าฝนแบบนี้ นอกจากจะต้องระวังโรคภัยต่างๆ ที่เป็นโรคประจำฤดูกาลแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะต้องระวังด้วยเช่นกันก็คือ สัตว์มีพิษ
เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่มีฝนตกแบบนี้ ทำให้สัตว์มีพิษทั้งหลายมักจะอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีความรกและชื้นแฉะ ซึ่งถ้าเราไม่ระมัดระวังและไปถูกสัตว์พวกนี้กัดเข้า ก็อาจเป็นอันตรายได้
บทความนี้ผมเลยไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์มีพิษที่มากับหน้าฝน และวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นถ้าเราโดนพิษของสัตว์แต่ละชนิดมาฝากครับ
1. งู
งู เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ไม่มีขา ไม่มีเปลือกตา มีเกล็ดปกคลุมผิวหนังทั่วลำตัว งูมีความปราดเปรียวและว่องไวในการเคลื่อนที่ มีลิ้นสองแฉกเพื่อใช้สำหรับรับความรู้สึกทางกลิ่น
วิธีสังเกตว่างูที่กัดเรามีพิษหรือไม่ ให้สังเกตจากรอยกัด ถ้าเป็นงูที่ไม่มีพิษ รอยฟันบนผิวหนังจะเรียงเป็นแถว แต่ถ้าเป็นงูที่มีพิษ อาจพบหรือไม่พบรอยเขี้ยวก็ได้ หากพบรอยเขี้ยว จะมีลักษณะเป็นรอยเขี้ยว 2 จุดชัดเจน และมีเลือดซึมออกจากแผล รอบๆ รอยเขี้ยวมีสีคล้ำ หรืออาจพองเป็นถุงน้ำ ซึ่งอันตรายของพิษงูในประเทศไทยแบ่งเป็น 3 ระบบใหญ่ๆ ได้แก่
พิษต่อระบบประสาท ทำให้มีอาการแขนไม่มีแรง กระวนกระวาย ลิ้นเกร็ง พูดไม่รู้เรื่อง ตามัว น้ำลายฟูมปาก หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้หยุดหายใจ และเสียชีวิตในที่สุด
พิษต่อระบบเลือด ทำให้มีอาการเลือดออกผิดปกติในร่างกาย เช่น เลือดกำเดาไหล ไอ อาเจียน ปัสสาวะและอุจจาระเป็นเลือด และอาจทำให้เสียชีวิตได้
พิษต่อระบบกล้ามเนื้อ ทำให้ปวดกล้ามเนื้อทั่วทั้งตัว ปัสสาวะออกน้อย และปัสสาวะมีสีเข้มถึงดำ
สิ่งที่ควรทำเมื่อถูกงูกัด
✅ ตั้งสติให้ดี อย่าตกใจ และพยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด
✅ ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ ไม่ควรใช้เหล้า ยาสีฟัน หรือสมุนไพรใดๆ ล้างหรือประคบ
✅ ใช้ผ้าสะอาดห้ามเลือดด้วยการกดลงบนแผลโดยตรง สามารถใช้แอลกอฮอล์หรือเบตาดีนทาแผลได้ เพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรค
✅ ไม่แนะนำให้ขันชะเนาะ
✅ รับประทานยาแก้ปวด ถ้ารู้สึกปวด
✅ รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด พร้อมกับนำซากงูหรือถ่ายรูปงูมาด้วย เพื่อช่วยให้แพทย์หาเซรุ่มมาฉีดแก้พิษงูได้เร็วขึ้น
2. ตะขาบ
ตะขาบ เป็นสัตว์ขาข้อซึ่งพบได้ทั่วไปในเขตร้อนชื้น ชอบอาศัยอยู่บนบก มีขนาดความยาวลำตัวตั้งแต่ 3-8 ซม. มีจำนวนปล้อง 15-100 ปล้อง แต่ละปล้องมีขา 1 คู่ ส่วนหัวแยกจากลำตัวชัดเจน มีหนวดขา 1 คู่ และมีเขี้ยวพิษ 1 คู่ ซึ่งดัดแปลงมาจากปล้องแรกของลำตัว
เมื่อถูกตะขาบกัดจะพบรอยเขี้ยว 2 รอย ลักษณะเป็นจุด มีเลือดออกตรงบริเวณที่ถูกกัด พิษของตะขาบมีสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบต่อร่างกาย ได้แก่ hydroxytryptamine หรือ cytolysin ซึ่งจะทำให้เกิดการอักเสบ ปวด บวมแดง ร้อน ชา บางคนอาจเกิดอาการอัมพาตตรงบริเวณที่ถูกกัด หรือเป็นแผลไหม้อยู่ประมาณ 2-3 วัน ในรายที่มีอาการแพ้รุนแรง อาจมีอาการอาเจียน หัวใจเต้นผิดจังหวะ มึนงง ปวดศีรษะ ซึ่งถ้าดูแลแผลไม่ดี อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้
สิ่งที่ควรทำเมื่อถูกตะขาบกัด
✅ ล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ ไม่ควรใช้เหล้า ยาสีฟัน หรือสมุนไพรใดๆ ล้างหรือประคบ
✅ ประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง ครั้งละ 10 นาที เพื่อลดอาการปวด หรือรับประทานพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวด
✅ ห้ามเกา แกะ บริเวณที่ถูกกัด เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
✅ หากอาการปวดไม่ทุเลา หรือมีอาการแพ้มาก ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับยาแก้ปวดหรือยาฆ่าเชื้อ บางรายแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักร่วมด้วย
3. แมงป่อง
แมงป่อง สามารถพบได้ทั่วโลก ซึ่งบางชนิดก็มีพิษไม่รุนแรง แต่บางชนิดก็มีพิษรุนแรงมากและอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยลำตัวของแมงป่องจะประกอบไปด้วยส่วนหัวและอกรวมกัน ส่วนท้องเป็นปล้องๆ ส่วนปากมีลักษณะเป็นก้าม (คล้ายก้ามปู) เอาไว้สำหรับจับเหยื่อ ส่วนหางมี 5 ปล้อง ปล้องสุดท้ายจะมีอวัยวะสำหรับใช้ต่อยและมีต่อมพิษอยู่ที่ส่วนปลาย แมงป่องชอบที่เย็นและชื้น ดังนั้น ที่ๆ เรามักจะพบแมงป่องได้บ่อยๆ ตามซอกหิน กิ่งไม้ผุๆตามพื้นดิน หรือตามพื้นดินที่มีเศษใบไม้เปียกทับถมอยู่
พิษของแมงป่องประกอบไปด้วยสาร phospholipase, acetylcholinesterase, hyaluronidase และ neurotoxin ซึ่งแมงป่องส่วนมากที่พบในประเทศไทยจะมีพิษน้อย โดยรอยแผลที่ถูกแมงป่องต่อยจะมีจุดสีแดง ซึ่งจะบวมและปวดมาก นอกจากนี้ พิษของแมงป่องยังอาจทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่บริเวณใกล้เคียงโตและเจ็บได้ โดยทั่วไปอาการของผู้ที่ถูกแมงป่องต่อยจะดีขึ้นภายใน 1 วัน แต่ในรายที่แพ้มากอาจมีอาการน้ำลายฟูมปาก กล้ามเนื้อกระตุก ตะคริว อาเจีบน ชัก หัวใจเต้นผิดจังหวะ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตจากระบบหัวใจล้มเหลวได้
สิ่งที่ควรทำเมื่อถูกแมงป่องต่อย
✅ ล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ ไม่ควรใช้เหล้า ยาสีฟัน หรือสมุนไพรใดๆ ล้างหรือประคบ
✅ ประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง ครั้งละ 10 นาที เพื่อลดอาการปวด หรือรับประทานพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวด
✅ ห้ามเกา แกะ บริเวณที่ถูกต่อย เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
✅ หากอาการปวดไม่ทุเลา หรือมีอาการแพ้มาก ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับยาแก้ปวดหรือยาฆ่าเชื้อ บางรายแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักร่วมด้วย
4. ด้วงก้นกระดก
ด้วงก้นกระดกมีชื่อเรียกอื่นๆ อีก เช่น แมลงก้นกระดก ด้วงปีกสั้น ด้วงก้นงอน ด้วงกรด เมื่อโตเต็มที่จะมีสีดำสลับเข้ม ลำตัวยาวประมาณ 5-7 มิลลิเมตร หัวสีดำ อกส่วนหน้าแบนยาว ส่วนท้องมี 6 ปล้อง 4 ปล้องแรกจะมีสีส้มอมน้ำตาล ส่วนที่เหลือจะมีสีดำ ขาทั้ง 3 คู่ มีสีน้ำตาลแดง ปีกแข็งด้านบนมีสีน้ำเงินเข้มและมีปีกอ่อนข้างใต้ บินได้เร็วและมีความว่องไว เวลาเดินจะยกปลายท้องตั้งขึ้น จึงเป็นที่มาของชื่อ “ด้วงก้นกระดก”
ด้วงก้นกระดกมีสารพิษที่ชื่อว่า พีเดอริน (Pederin) มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน สามารถทำลายเซลล์เนื้อเยื่อผิวหนังได้ โดยตัวเมียจะมีปริมาณสารพิษมากกว่าตัวผู้
โดยอาการมักเกิดจากการสัมผัสกับสารพิษโดยตรง เช่น เผลอใช้มือปัดตัวแมลงที่มาเกาะตามร่างกาย หรือใช้นิ้วบี้เพื่อให้แมลงตาย ซึ่งอาการจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณของสารพิษที่เราสัมผัสและปฏิกิริยาตอบสนองของแต่ละคน เพราะอาการจะไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่มักจะเกิดขึ้นหลังสัมผัสสารพิษแล้วประมาณ 12 ชม. โดยพิษจากด้วงก้นกระดก ทำให้เกิดอาการแสบร้อน ผื่นระคายเคือง คัน และอาจเป็นหนองได้
วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากสงสัยว่าสัมผัสกับแมลงก้นกระดก
✅ ล้างบริเวณที่สัมผัสด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ
✅ ประคบด้วยสำลีชุบน้ำเย็น หรือน้ำเกลือครั้งละ 5-10 นาที วันละ 3-4 ครั้ง
✅ อาการอักเสบจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยอาจมีรอยดำทิ้งไว้ที่ผิวได้ แต่ไม่เป็นแผลเป็น ยกเว้นในรายได้ที่ได้รับสารพิษในปริมาณมาก หรือมีอาการแพ้รุนแรง อาจมีไข้สูง และอาการทางระบบหายใจได้ แต่ถ้ามีอาการเจ็บปวด ปวดแสบปวดร้อนจนทนไม่ไหว หรือโดนพิษบริเวณใบหน้า หรือดวงตา แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันที
สุดท้ายนอกจากการระมัดระวังแล้ว เราควรรักษาความสะอาดสภาพแวดล้อมบริเวณรอบที่พักหรือเต็นท์ของเรา จัดเก็บสิ่งของและเครื่องใช้ต่างๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ให้มีมุมอับชื้น หรือเป็นแหล่งหลบซ่อนอาศัยของแมลงและสัตว์มีพิษ ควรคัดแยกและทิ้งขยะหรือเศษอาหารในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด ไม่กองทิ้งไว้ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารหรือแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงและสัตว์มีพิษได้
camponeoutdoor.com ก็มีอุปกรณ์เดินป่า อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง ครบครัน ที่จะช่วยให้เพื่อนๆแคมป์ปิ้งได้อย่างสนุก ปลอดภัย และมีความสุขตลอดทริป สารมารถสั่งซื้อออนไลน์หรือ เข้ามาชมสินค้าที่หน้าร้าน Campone สาขาหนองแขม และ สาขาราชพฤกษ์ครับ
บทความน่าสนใจอื่น ๆ
แคปชั่นแคมป์ปิ้งหน้าฝน: โดนใจสายแคมป์ แม้ฟ้าจะครึ้ม จากใจ Camp One NR
06 ส.ค. 2024
Korea Culture Camping วัฒนธรรมเกาหลีกับการแคมป์ปิ้ง
28 มิ.ย. 2024
เขากระโจม จุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยที่สุดของราชบุรี
27 ก.ค. 2023
Camping Life with Comma nine
22 พ.ค. 2023
เตรียมตัวตั้งแคมป์เป็นภาษาอังกฤษอย่างไรให้ฟิน!
08 ส.ค. 2023