กาแฟง่ายๆระหว่างไปแค้มป์
02 ก.พ. 2023
สำหรับแคมป์เปอร์แล้ว เมื่อใดที่เราเริ่มต้นออกเดินทางไปยังจุดมุ่งหมาย หลังจากเสร็จภารกิจกับเต็นท์จัดของเป็นที่เรียบร้อย กิจกรรมที่ขาดไม่ได้สำหรับการแคมป์ปิ้งเลยนั่นก็คือ “การดริปกาแฟ” จิบกาแฟจากเมล็ดคั่วบดหอมๆ ท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติ ล้อมวงพูดคุยสนทนากับเพื่อนก่อนมื้อค่ำ สิ่งเหล่านี้ก็จะยิ่งช่วยให้กาแฟของคุณมีรสชาติที่อร่อยถูกปากยิ่งขึ้น
ในมุมของคนหลายคน รวมทั้งผมด้วย กาแฟอาจจะเป็นสิ่งวิเศษสุดสิ่งหนึ่งที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมา มีเรื่องเล่าหลายแบบ สำหรับจุดกำเนิด ของเครื่องดื่มที่มีเสน่ห์น่าหลงไหลนี้ ว่ากันว่า นานมาแล้ว มีคนเลี้ยงแพะที่อาศัยอยู่แถวแอฟริกาตะวันออกเห็นแพะที่ตนเลี้ยงไปกินลูกไม้ชนิดหนึ่งที่ไหม้ไฟ แพะตัวนั้นคึกคักสดชื่น วิ่งไปมาทั้งวัน คนเลี้ยงแพะเลยเอามาลองบ้าง แต่เม็ดนั้นแข็งจึงเอามาบดแล้วต้มกับน้ำกลายเป็นเครื่องดื่มสีดำสนิท ที่หอมหวล จากจุดเริ่มต้นที่แสนจะบังเอิญและเรียบง่าย
ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับกาแฟจึงเริ่มขึ้น ไม่ว่าเรื่องเล่าจุดกำเนิดนี้จะเป็นเรื่องแต่งขึ้น หรือ เรื่องที่เกิดขึ้นจริงก็ตาม ในที่สุดท่านทั้งหลายคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีอยู่ของกาแฟก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกใบนี้น่าอภิรมย์มากขึ้น ยิ่งการได้ดื่มและเสพธรรมชาติในป่าเขา อากาศเย็นๆ นั่งชงกาแฟพร้อมชมภาพพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า พลางดื่มกาแฟดำหอมกรุ่นไปพลาง หลายท่านตงจะจำได้ว่านี่ น่าจะเป็นช่วงเวลาที่แสนจะสุขกายสบายใจและน่าจดจำเพียงใด
สำหรับวิธีการ ชงกาแฟในป่า ธรรมชาติหรือชนบทแล้ว ยุคนี้ พศนี้ ก็ไม่ได้ยากมากมายอะไร อุปกรณ์ มีอยู่ตั้งแต่หลักร้อย จนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับ ความอยาก ความต้องการ และการความยึดมั่นเชื่อถือ และชื่นชอบของของแต่ละบุคคลว่าชอบ และคงไม่ กล้าวิพากษ์ว่าสิ่งไหนดีไม่ดีอย่างไรนะครับ เอาที่หลายๆท่านชอบเลย แต่จะช่วยไล่เรียงตั้งแต่วิธีบ้านๆที่ใช้หม้อใบเดียว จนถึง เครื่องเพรสราคาเป็นแสนเป็นล้าน สำหรับชีวิตกลางแจ้งระหว่างตั้งแคมป์คงจะเอาเครื่องมือแบบนี้ไปด้วยลำบาก หรือไม่ได้เลย ดังนั้นวันนี้ จะขอแนะนำวิธีชงกาแฟง่ายๆ ทำได้เลยไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรมากมายนัก อนึ่ง วิธีการเหล่านี้ใช้กับเม็ดกาแฟที่คั่วแล้ว คอกาแฟสำเร็จรูปที่อยากจะลองวิธีนี้ก็ลองดูนะครับ อาจจะติดใจเปลี่ยนแนวมาเป็นกาแฟบดเลยก็ได้นะ แต่ถ้าหลายๆท่านที่ไม่เคยดื่ม หรือไม่ชอบดื่มจะลองศึกษาดูก็ไม่เสียหลายนะถือว่าเป็นพิธีกรรม เป็นศิลปะแบบหนึ่ง เพราะระหว่างการต้มกาแฟเป็นการฝึกสมาธิได้ด้วยได้นะครับ
มาดูสิ่งที่ต้องมีก่อนนะครับ จะดื่มกาแฟ ในแคมป์ ต้องมีอะไรบ้าง
- เมล็ดกาแฟ Coffee Bean สำคัญที่สุดสิ ไม่มีจะทำยังไง ที่สำคัญรสชาติกาแฟจะเป็นยังไงต้องขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟ ซึ่งหลักๆ เมล็ดกาแฟที่ใช้ในวิธีการดริปจะเป็นเมล็กพันธุ์อราบิก้า แต่ถ้าชอบโทนเปรี้ยวๆ ผลไม้หน่อยๆ ลองดูเมล็ดจาก Ethiopia หรือ Kenya หรือเมล็ดกาแฟไทยที่เดี๋ยวนี้มีให้เลือกดีๆเพียบ ราคาก็แล้วแต่ยี่ห้อเลยครับ คั่วปานกลางถึงเข้มอ่อน อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบ และอุปกรณ์ที่ใช้ด้วยนะครับ ดริฟต้องอ่อนถึงกลาง เพรสต้องกลางถึงเข้ม แต่ถ้าโอเลี้ยงเลย ต้องคั่วเข้มถึงไหม้ ง่ายๆประมาณนี้ครับ ที่ต้องลองเท่านั้นถึงจะรู้
2. ที่บดเมล็ดกาแฟ Grinder ไม่มี ก็สากกับครกก็ได้ แต่มันจะไม่เป็ฯมาตราฐาน เครื่องบดสำคัญและเป็นหนึ่งปัจจัย ในความอร่อยของกาแฟที่ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอและการปรับระดับของความละเอียดของเมล็ดกาแฟในการบด กับเมล็ด และกระบวนการดริฟ การเลือกเครื่องที่เราถนัด คุ้นเคย และเป็นมาตราฐานจะทำให้ท่าน ดริฟ ได้อย่างถูกต้อง สม่ำเสมอ เครื่องบดในตลาดมีให้เลือกแบบทั้งเครื่องบดเมล็ดกาแฟแบบมือหมุน หรือเครื่องบดแบบไม้ทรงวินเทจที่สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย ราคามีตั้งแต่หลัก ร้อย จนถึงหลักหมื่นนะครับ แต่ถ้าไปแคมป์ยาวๆ หลักการง่ายๆคือบดไปก่อน ในภาชนะที่กันกลิ่นอออกแบบย่างดี เพราะกาแฟที่บดแล้วก็ใส่ถุงพลาสติกซิปล็อกติดใส่เป้ไปด้วย อยู่ได้เป็นอาทิตย์เลยครับ
3. มาดูแบบแรกที่นิยม ในคนไทยและเอเชีย
a. การดริฟ Dripping Process (Pour over) ต้องกะปริมาณของเมล็ดกาแฟและปริมาณน้ำร้อน ที่เราจะใช้ในการดริป ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่จะทำให้กาแฟแก้วนี้ของคุณดูยอดเยี่ยม ไม่มีสูตรตายตัวสำหรับคนที่ชอบ แต่มาตราฐาน คือ 1 ต่อ 15 หรือ 1 ต่อ 17 แล้วแต่ความชอบระยะเวลาและปริมาณน้ำ อุณหภูมิ 90–95 องศา คืออุณหภูมิที่ดีที่สุด ถ้าไม่มี เทอร์โทมิเตอร์วัด ให้ลองดู ต้มน้ำจนเดือดมีไอ คือ 100 องศา ดับไฟ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 วินาทีครับ อันนี้สูตรเลย รินน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิราว 90 องศา ผ่านกาแฟช้าๆ ปล่อยให้หยดจนหมด ทำซ้ำไปเรื่อยๆ ขนาดน้ำ จำนวนรอบ และอื่นๆ ขึ้นอยู่ที่การฝึกฝน และที่สำคัญตามความชอบของแต่ละบุคคลนะครับ สื่อความรู้มีอยู่เยอะเลย ว่าชงตั้งแต่ระดับ อบต หรือ ระดับแชมป์โลก แต่สำคัญของการดริฟคือการฝึกฝนและความชอบ เป็นเรื่องของปัจเจก จริงๆ
i. กระดาษกรอง Filter paper รสชาติของกาแฟจะเป็นอย่างไร กระดาษกรองถือว่ามีส่วนสำคัญ ซึ่งหลักๆ มีทั้งกระดาษกรองสีขาวและสีน้ำตาล ในตลาดทั่วไป มีขนาดให้ 2 ขนาด จะระบุเป็นเบอร์ ตัวอย่าง คือ เบอร์ 01 เหมาะสำหรับ 1–2 แก้ว และ เบอร์ 02 เหมาะสำหรับ 3–4 แก้ว ขั้นตอนที่สำคัญคือ เมื่อทำการดริปทุกครั้งควรใช้น้ำร้อนเทลงบนกระดาษกรองทิ้งไว้สักครู่ เพื่อเป็นการลดกลิ่นและทำความสะอาด ไปในตัวก่อนที่กระดาษกรองนั้นจะพร้อมใช้
ii. ดริปเปอร์ Dripper หลายคนคิดว่าดริปเปอร์อาจเป็นแค่ทางผ่านของน้ำเฉยๆ ที่ไม่ได้มีส่วนสำคัญอะไรมาก แต่ในความจริงแล้วการไหลผ่านของน้ำมีผลต่อรสชาติของกาแฟมากที่สุด เพราะเป็นการรักษาอุณหภูมิ ปริมาณน้ำ โดยมี ให้เลือกทั้งแบบพลาสติก เซรามิก สเตนเลส อลูมิเนียม
iii. กาน้ำ Kettle หัวใจหลักของการดริปที่ดีควรเป็นกาดริปกาแฟที่มีการเก็บและระบายความร้อนของน้ำได้ดีในระดับหนึ่ง สายน้ำที่ไหลออกมาต้องมีความสม่ำเสมอ ควบคุมได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้ใช้งานว่าชอบและเหมาะสมกับกาชนิดไหนมากที่สุด
2. แบบเครื่องบีบอัด (French Press)
วิธีการต้มกาแฟแบบนี้ชาวตะวันตกนิยมมาก การใช้อุปกรณ์ง่ายและน่าจะมีกันทุกบ้านเลย การชงกาแฟแบบนี้ต้องมีเครื่องบีบที่เรียกว่า French Press เป็นเหยือกทรงกระบอก ทำจาก แก้ว พลาสติก หรือ โลหะ เลือกรุ่นที่ไม่หนัก ขนาดไม่ใหญ่สามารถเอาติดตัวไปแคมป์ด้วย วิธีการก็ง่ายมากครับ คือ ต้มน้ำให้เดือด ระหว่างรอก็เอากาแฟบดใส่ลงไปในเครื่อง ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำหนึ่งลิตร เทน้ำร้อนราว 90 องศา ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วก็ทิ้งไว้ 3–4 นาที จากนั้นกดตะแกรงช้าๆ ลงไปและบีบผงกาแฟไว้ด้านล่างอย่างเบาๆ จึงรินน้ำกาแฟที่อยู่ด้านบนของตะแกรงออกมาดื่มครับ
2. หม้อโมก้า (MokaPot)
หม้อโมก้าเป็นอุปกรณ์ต้มกาแฟชนิดหนึ่ง ขนาดไม่ใหญ่ ราคาไม่แพงเลย เป็นที่นิยมในหมู่นักเดินป่าชาวอเมริกันและยุโรปอย่างมาก การทำงานของหม้อโมก้าอาศัยหลักการง่ายๆคือเมื่อน้ำเดือดในหม้อปิดใบเล็กๆ ที่อยู่ส่วนล่างสุดก็จะเกิดแรงดันขึ้น น้ำร้อนก็จะล้นขึ้นไปยังช่องส่วนกลางซึ่งเราเอากาแฟบดใส่ไว้ ช่องกลางที่ว่ามีตะแกรงกรองอยู่ทั้งข้างบนและล่าง น้ำร้อนที่ดันตัวผ่านกาแฟบดนั้นล้นขึ้นมาก็จะกลายเป็นกาแฟ หอมกรุ่น ในถ้วยที่อยู่ส่วนบนสุดของเครื่อง กระบวนการนี้ใช้เวลาไม่นาน โดยปริมาณกาแฟที่ใส่ในช่องตรงกลางจะพอดีกับขนาดของหม้อน้ำที่อยู่ด้านล่าง หากเลือกใช้หม้อชนิดนี้แนะนำให้ใช้เตาสนามที่แข็งแรงมีฐานมั่นคงสำหรับวางหม้อโมก้าได้ครับ อาจจะต้องมีเทคนิคตอนต้มเล็กน้อยเพื่อไม่ให้กาแฟออกรสขมเกินไป หากใครสนใจเทคนิคเหล่านี้ สอบถามเพิ่มเติมได้นะครับ
4 ต้มแบบคาวบอย (Cowboy Brewing)
น่าจะถือได้ว่าเป็นแบบคลาสสิกที่สุด ใช้ หม้อ ใบเดียว ว่ากันว่าหม้อยิ่งเก่ายิ่งดี สัดส่วนคือ กาแฟหนึ่งถ้วยหรือแก้ว ใช้กาแฟบดหนึ่งช้อนโต๊ะ แต่ให้ทำเผื่อเกินที่จะดื่มไว้นะเพราะต้องเหลือตะกอนไว้ข้างล่างซึ่งไม่เอามาดื่มครับ
วิธีการก็ง่ายมาก ก่อไฟ ตั้งหม้อหรือกาน้ำในหม้อให้อุ่น จากนั้นใส่กาแฟลงไป ตอนแรกผงกาแฟจะลอยต้มต่อไปเรื่อยๆ จนเดือด ผงกาแฟจะเริ่มจมลง ตอนต้มต้องให้เดือดจัดจริงๆ คือพล่านเลยนะครับ ถึงจะได้ผลดี พอเดือดเต็มที่แล้วยกหม้อลงจากไฟ ทิ้งไว้ราว 1 นาที จากนั้นใส่น้ำเย็นลงไปนิดหน่อย เพื่อจะช่วยเร่งให้ผงกาแฟตกตะกอน รินเอาน้ำกาแฟส่วนบนออกมาเบาๆนะครับ คืออย่าให้ผงที่ตกตะกอนอยู่ด้านล่างฟุ้งขึ้นมา เท่านีัก็ได้กาแฟสไตล์คาวบอยครับ
สุดท้าย ท้ายสุด “แก้วกาแฟ” ไอเท็มลับ ที่สำคัญกับการเสพ จริงๆนะ ขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือ แก้วกาแฟ ดีๆ ง่ายๆ ใช้ง่าย ที่ความจริงแล้วเราสามารถใช้แก้วกาแฟธรรมดาจากที่บ้านก็ได้ แต่ออกมาแคมป์ทั้งทีเราก็ต้องไปให้สุด เพราะหลายแบรนด์แคมป์ปิ้งก็ต่างออกแบบดีไซน์แก้วกาแฟกันอย่างสวยงาม
อยากให้ทุกท่านได้ลองต้มกาแฟ ทำกาแฟเองดูนะครับ ท่ามกลางธรรมชาติผมว่าเป็นสิ่งที่เพลิดเพลินเจริญใจ และ เสริมบรรยากาศในยามเช้าระหว่างตั้งแคมป์ได้อย่างดียิ่ง ลองดูน่ะครับ แล้วได้ผลเป็นยังไงก็ได้เป็นประสบการณ์ ขอให้มีความสุขครับ